แบ่งปัน

9596_1574391339545826_7701529364761974236_n 11665446_1574391369545823_1617952142687289535_n 12472841_1574391376212489_6743681543291059316_n 12794465_1574391342879159_3748687845961258780_n

อัมพร  / พัทยา

ชาวบ้านหนองปลาไหลรวมตัวเข้าพบ นายอำเภอบางละมุง ส่วนนายภิญโญ นายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาไหล แจงผ่านสื่อก่อนเข้าเจรจาในวันนี้

จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (23 มี.ค.) ได้มีกลุ่มชาวบ้านและผู้พักอาศัยอยู่ในโครงการหมู่บ้านพูนสุขพาร์ค หมู่ 7 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นำโดย นาย วสันต์ แก้วงาม อายุ 49 ปี ออกมาร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่าได้ถูกนายภิญโญ หอมกลั่น อดีตกรรมการบริหารหมู่บ้านพูนสุขพาร์ค และปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาไหล ฉ้อโกงเกี่ยวกับเรื่องที่ดินและหลอกให้ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านพูนสุขพาร์ค จนมีผู้เสียหายร่วม 20 รายตามที่รายงานไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ในวันที่  24 มี.ค.59  มีตัวแทนชาวบ้านทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 20 คน นำโดย นายวสันต์ แก้วงาม อายุ 49 ปี และ น.ส.เรณู เผ่าสมพงษ์ อายุ 42 ปี ได้เดินทางเข้าพบ นาย ชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี และ ตัวแทนของทาง พ.ต.สมเกียรติ ซึมกลาง หน.ชบ.พท.บางละมุง มทบ.14 เพื่อขอให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาดำเนินการหาแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนของชาวบ้าน

โดยนายวสันต์  กล่าวชี้แจง ในที่ประชุมบนที่ว่าการอำเภอบางละมุง ถึงสาเหตุที่ต้องเดินทางมาในครั้งนี้ว่ามีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.กรณีเรื่องที่ดินของ น.ส.เรณู เผ่าสมพงษ์ อายุ 42 ปี กับ น.ส.พัธชนินทร์ แจ่มกระจ่าง อายุ 34 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีที่ดินอยู่ในพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการหมู่บ้านจัดสรร แต่ต่อมาเจ้าของโครงการได้ทำบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2551 ให้ย้ายออกมาอยู่บริเวณที่ดินรวม 165 ตรว. (แบ่งเป็น 2 แปลง) ที่อยู่ชิดติดกับรั้วของโครงการฯ และปลูกบ้านพักอาศัยให้ พร้อมกับสัญญาว่าจะยกที่ดินผืนดังกล่าวให้หลังจากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ต่อมากลับมีหนังสือจากสำนักงานกฎหมายพิษณุพงษ์ ทนายความ ส่งมาถึง น.ส.เรณู เมื่อวันที่ 29 ม.ค.59 แจ้งให้ย้ายออกบ้านเลขที่ 31 หมู่ 7 ต.หนองปลาไหล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยปัจจุบันที่ทางเจ้าของโครงการได้ทำบันทึกข้อตกลงว่าจะยกให้ โดยให้เหตุผลว่ามีบุคคลที่ 3 ซื้อที่ดินผืนดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว ทำให้ น.ส.เรณู และครอบครัวกำลังจะกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย

ส่วนอีกหนึ่งกรณีคือมีประชาชนที่ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านพูนสุขพาร์คกว่า 20 หลังคาเรือน ซึ่งได้สัญญาซื้อขายและผ่อนชำระกับโครงการหมู่บ้านโดยตรง ซึ่งบางหลังอยู่ในระหว่างการผ่อนชำระ และบางหลังได้ผ่อนชำระจนหมดแล้ว แต่ภายหลังกลับไม่สามารถโอนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองได้ หนำซ้ำยังถูกบุคคลอื่นมาฟ้องร้องขับไล่ออกจากบ้านที่ตัวเองเป็นคนหาเงินจากน้ำพักน้ำแรงมาผ่อนชำระเพื่อหวังจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยในบั้นปลาย เมื่อถามไปยังนายภิญโญ หอมกลั่น เจ้าของโครงการในขณะนั้น และปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาไหล กลับถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด โดยอ้างว่าตัวเองไม่ได้เป็นกรรมการบริการโครงการแล้ว และต้องไปสอบถามกับกรรมการบริหารชุดใหม่ ทั้งๆ ที่หลักฐานการทำสัญญาทั้งหมดมีชื่อนายภิญโญ เป็นผู้เซ็นให้ดำเนินการ จึงอยากให้นายภิญโญ ออกมารับผิดชอบ เพราะเคยมาร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า และขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องช่วยหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

ด้านนายชาคร นายอำเภอบางละมุง กล่าวว่า เกี่ยวกับกรณีนี้หลังประชาชนเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ทางอำเภอบางละมุงไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนกรณีของ น.ส.เรณู ก่อนหน้านี้ทางปลัดอำเภอที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้นัดแนะให้มาพูดคุยเจรจากับนายภิญโญ ในบ่ายวันที่ 25 มีนาคม 2559 ในส่วนของชาวบ้านที่ซื้อบ้านกับโครงการแต่ไม่ได้รับการโอนกรรมสิทธิ์ เบื้องต้นแนะนำให้ไปจดรายชื่อทั้งหมด และรายละเอียดความเดือดร้อนของแต่ละหลังคาเรือน เพื่อนำมาเสนอในที่ประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ ก็ขอให้รวมตัวกันแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เพื่อใช้สิทธิ์ตามกฎหมายต่อไป.

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน นายภิญโญ หอมกลั่น นายกเทศมนตรีตำบล หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวขอปฏิเสธว่าไม่โกงชาวบ้านหรือประชาชนตามที่เป็นข่าว เกี่ยวกับเรื่องนี้ยอมว่าในอดีตเคยเป็นกรรมบริหารหมู่บ้านพูนสุขพาร์คจริง ตั้งแต่สมัยช่วงเป็นประธานสภา อบต.หนองปลาไหล โดยได้รับการชักชวนจาก น.ส.พัชสนันท์ กัญประเสริฐ หรือบี อายุ 47 ปี ชาว ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนหนังสือด้วยกัน ให้มาเป็นกรรมการโครงการ เพราะเห็นว่าตนมีเครดิตและสามารถจัดการเรื่องธุรกรรมได้ดีกว่า เมื่อ น.ส.พัชสนันท์ นำเอกสารหนังสือมอบอำนาจต่างๆ มาให้เซ็น ตนก็เซ็นชื่อให้โดยไม่ได้ตรวจดูเอกสารหรือสอบถามข้อมูลรายละเอียด ทั้งนี้ก็เพราะความไว้ใจ เนื่องจากคิดว่าจะนำเอกสารดังกล่าวไปทำธุรกรรมตามปกติ คิดเพียงว่าน.ส.พัชสนันท์ได้นำไปทำการโอนเกี่ยวกับบ้านให้กับลูกค้าตามปกติ ไม่คิดว่าจะนำไปทำอย่างอีก

นายภิญโญ ยังกล่าวอีกว่า จนกระทั่งมีหมายศาลเรียกให้ตนไปให้ปากคำหลังมีคนฟ้องร้องเรื่องฉ้อโกงการซื้อขายบ้านในหมู่บ้านพูนสุขพาร์ค  ในช่วงเวลานั้นตนได้ถอนตัวออกจากการเป็นกรรมการบริหารโครงการหมู่บ้านแล้ว ทำให้ทราบว่าตนเองถูก น.ส.พัชสนันท์ หลอกให้เซ็นชื่อในเอกสารมอบอำนาจแล้วนำไปทำธุรกรรมเองโดยที่ตนไม่ทราบเรื่อง ซึ่งภายหลังตนจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บางละมุง ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้ผู้เสียหายได้รับทราบแล้ว ที่ผ่านมาพอเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกันในศาล ตนก็ไม่ได้ทอดทิ้งหรือบ่ายเบี่ยงปัดความรับผิดชอบ และพยายามเจรจาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชาวบ้านเข้าใจมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป