แบ่งปัน

ตรวจจับรถตู้สาธารณะผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก

คสช.บางละมุง บูรณาการทุกภาคส่วนต่อเนื่องจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะทำความผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พบตรวจจับรถตู้วิ่งนอกเส้นทาง และไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินการจับปรับทันควัน

(27 มิ.ย.60) วันนี้ ที่บริเวณท่าเทียบเรือพัทยาใต้ แหลมบาลีฮาย กองร้อยรักษาความสงบ อ.บางละมุง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ นำโดย ร.ต.สุวิทย์ ลากลาง ผู้บังคับหมวด บูรณาการร่วมกับ สำนักงานขนส่งจังหวัดชลบุรี นำโดย นายวิมาน ปานกลาง นายช่างตรวจสภาพรถ ชำนาญงาน เจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยา นำโดย พ.ต.ต.จีรวัฒน์ สุคนธทรัพย์ หัวหน้าฝายเทศกิจ ส่วนรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง สำนักปลัดเมืองพัทยา และฝ่ายความมั่นคงอำเภอบางละมุง ลงพื้นที่ เพื่อตรวจจับรถตู้โดยสารสาธารณะ หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถภายในพื้นที่ดังกล่าวว่ามีรถตู้โดยสารสาธารณะเข้ามาวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งไม่ใช่เส้นทางสัมปทานวิ่งรถ

จากการตั้งด่านสุ่มตรวจในวันนี้ สามารถจับกุมรถตู้ผิดกฎหมายได้จำนวน 4 คัน เป็นรถตู้โดยสารส่วนบุคคลที่วิ่งรับจ้างประจำทาง โดยมิได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 1 คัน และรถตู้ที่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย กฎจราจร ให้บริการนอกเส้นทาง จำนวน 3 คัน เจ้าหน้าที่จึงเขียนใบสั่งดำเนินการจับปรับตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522

ร.ต.สุวิทย์ ลากลาง ผู้บังคับหมวด กองร้อยรักษาความสงบ อ.บางละมุง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ เปิดเผยว่า สำหรับการตั้งด่านตรวจรถตู้โดยสารสาธารณะ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย คสช.มุ่งเน้นเสริมสร้างความปลอดภัยและความพึงพอใจในการใช้บริการ เพื่อคืนความผาสุกแก่ประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะทำการตรวจจับอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยไม่กำหนดวัน เพื่อป้องกันปราบปรามรถสาธารณะที่วิ่งผิดเส้นทาง โดยจะดำเนินการตรวจทุกจุดที่มีการร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรม

ด้านนายวิมาน ปานกลาง นายช่างตรวจสภาพรถ ชำนาญงานขนส่ง จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดชลบุรี ออกมาบูรณาการร่วมกับฝายทหาร ฝ่ายปกครอง เพื่อจัดระเบียบการขนส่งในบริเวณแหลมบาลีฮาย ซึ่งมีปัญหาข้อร้องเรียนกับผู้ประกอบการด้วยกันเอง เรื่องการรับส่งผู้โดยสารในแหลมบาลีฮาย ในการนี้ได้มีการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการถึงจุดรับส่งผู้โดยสารตามเส้นทางที่ได้รับสัมปทาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ และลดปัญหาแก่งแย่งผลประโยชน์กับผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานอยู่แล้ว หากผู้ใดฝ่าฝืนก็จะมีบทลงโทษค่อนข้างสูง ซึ่งโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี และหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท