แบ่งปัน

ตำรวจ191สนธิกำลัง ปปง.ลุยยึดทรัพย์กว่า 200 ล้านบาท

ภาพปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ตำรวจท่องเที่ยว ปปง. ตำรวจ ตม. ทำการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทที่ได้มาจากการกระทำผิดทัวร์ผิดกฎหมายที่พัทยา รายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 14.30 น.(18 ก.ค.60 ) พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก. สปพ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ 191 ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ย่านชายหาดจอมเทียน ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ,พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลงานด้านการท่องเที่ยว สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการกำลังในการปราบปรามกลุ่มบริษัทนำเที่ยวผิดกฎหมายหรือกลุ่มบริษัทนำเที่ยวที่ประกอบการในลักษณะนอมินี และกลุ่มบุคคลต่างชาติสวมบัตรประชาชน เป็นคนไทยมาประกอบธุรกิจนำเที่ยว สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมายให้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด

กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก. สปพ. , พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. ร่วมบูรณาการกำลังกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว โดย พล.ต.ต. ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.,พ.ต.อ. อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท., พ.ต.อ. พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท. ,พ.ต.อ.ภพพล จักกะพาก รอง ผบก.ทท.,พ.ต.อ. ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท. ,พ.ต.อ. ศราวุธ ตันกุล ผกก.2 บก.ทท. ,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.6 บก.ทท. ,กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ,กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ,กรมการท่องเที่ยว,กรมสรรพกร ,กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ,สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมตรวจสอบ พบว่า นายอนุชิต เหมารุ่งโรจน์ มีพฤติการณ์ เป็นบุคคลต่างด้าว สวมบัตรประชาชนเป็นคนไทย มาประกอบธุรกิจนำเที่ยวบริษัทไทย ทง ยี่ ในลักษณะทัวร์ต่ำกว่าทุน เปิดบริษัทเมืองไทยอินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวลกรุ๊ป จำกัด ในลักษณะนอมินี มีการใช้มัคคุเทศก์จีนผิดกฎหมาย จนถูกพักและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว

จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายอนุชิต เหมารุ่งโรจน์ กับพวกหลายพื้นที่ ได้แก่ สถานีตำรวจนครบาลบึงกุ่ม ดำเนินคดีในความผิดตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน และพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร์ ,สถานีตำรวจภูธรพบพระ จังหวัดตาก ได้ดำเนินคดีกับ นายอนุชิต เหมารุ่งโรจน์ ,นางยา แซ่ม้า ,นายสำเริง มหสถาพร และนายทรงฤทธิ์ มหสถาพร ในความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ เพื่อให้ได้มาซึ่งบัตรประจำตัวประชาชน , สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม ได้ดำเนินคดีกับนายอนุชิต เหมารุ่งโรจน์ ,นางพรรณี แซ่ว่าง บริษัทไทย ทง ยี่ ทราเวล จำกัด และบริษัทเมืองไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล จำกัด กล่าวหาว่า ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เพื่อเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวและมีพฤติการณ์ในการหลีกเลี่ยงการเสียภาษอากร

โดยในวันที่ 27 มิถุนายน 2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน คณะกรรมการธุรกรรม มีมติในการประชุมให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดไว้ชั่วคราว รายนายอนุชิต เหมารุ่งโรจน์ กับพวกจำนวน 42 รายการ และในวันที่ 14 กรกฎาคม 2560 คณะกรรมการธุรกรรม มีมติให้ยึด และอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายอนุชิต เหมารุ่งโรจน์ กับพวก เป็นอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 11 รายการ มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับโรงแรมหลงหม่าพัทยา ที่ได้ดำเนินการยึดอายัดในครั้งนี้คาดว่ามีมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ขณะนี้สามารถยึดและอายัดทรัพย์สินของนายอนุชิต เหมารุ่งโรจน์ กับพวกได้รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านบาท

ประเทศไทย เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ นิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ,แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม,แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ศิลปะและประเพณีไทย ในห้วงที่ผ่านมา การท่องเที่ยวของไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นแหล่งรายได้หลักอย่างหนึ่งของประเทศไทย หากปล่อยให้มีบุคคลต่างด้าว สวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยเข้ามาประกอบธุรกิจนำเที่ยวผิดกฎหมาย เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว นอกจากจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหากพบการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป นอกจากนั้นยังพบความผิดของ พ.ร.บ.แจ้งที่พักของคนต่างชาติอีก จึงส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จ.ชลบุรีดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย