แบ่งปัน

12963653_1585201971798096_3912620725815413715_n 12963804_1585201998464760_8203052978395236931_n 13007328_1585201975131429_6020375189847990714_n

ภาพ/ข่าว อัมพร

สื่อเหยี่ยวข่าวร่วมมือกลุ่มลิขสิทธิ์ฟุตบอลจับร้านอดีตนายกเมืองพัทยาจนถึงขั้นเกิดความโต้เถียงวุ่นวายใน สภ.เมืองพัทยา 
เมื่อกลางดึก วันที่ 11 เม.ย. 59 ภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายใน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังจากที่กลุ่มลิขสิทธิ์ฟุตบอลพร้อมบุคคลอ้างตัวเป็นผู้สื่อข่าวร่วมขูดรีดผู้ประกอบการสถานบริการในเมืองพัทยา จำนวน 3 ราย ให้จ่ายปรับละเมิดลิขสิทธิ์ฟุตบอลต่างประเทศ หลังกลุ่มผู้สื่อข่าวในเมืองพัทยาทราบข่าวว่ามีผู้แอบอ้างเป็นผู้สื่อข่าวออกจับร่วมกับกลุ่มลิขสิทธิ์จึงเดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อมาถึงภายในห้องรับแจ้งความ พบอดีตนายกเมืองพัทยากำลังยืนโต้เถียงกับกลุ่มลิขสิทธิ์อย่างรุนแรงจากการสอบถามผู้ประกอบการรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ให้การว่าตนพร้อมกลุ่มผู้ประกอบการรายอื่นถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ฟุตบอลต่างประเทศเชิญตัวมาที่ สภ.เมืองพัทยา โดยกล่าวหาตนละเมิดลิขสิทธิ์ฟุตบอลต่างประเทศโดยบอกว่าให้มาเสียค่าปรับ ซึ่งมีชายฉกรรจ์หนึ่งในกลุ่มลิขสิทธิ์อ้างกับตนว่าเป็นผู้สื่อข่าวนักสื่อพิมพ์ยักษ์ใหญ่ เข้าพูดเกลี้ยกล่อมให้พวกตนจ่ายเงินค่าปรับละเมิดลิขสิทธิ์ฟุตบอลต่างประเทศ รายละหลายหมื่นบาท จึงเกิดการโต้เถียงเรื่องเงินค่าปรับกันดังกล่าว
จากนั้นกลุ่มผู้สื่อข่าวประจำเมืองพัทยาได้เข้าไปสอบถามชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นผู้สื่อข่าวพร้อมขอตรวจสอบดูบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว พบว่าไม่ได้อยู่ในสังกัดผู้สื่อข่าวพิมพ์ยักษ์ใหญ่ อีกทั้งยังไม่ได้เป็นผู้สื่อข่าวประจำในเมืองพัทยาแต่อย่างใดมีแค่บัตรประจำตัวระบุ เหยี่ยวข่าว เท่านั้น โดยอ้างว่ามีสำนักงานอยู่ที่บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และมีเครือข่ายทุกจังหวัดซึ่งตนก็สามารถไปได้ทุกจังหวัด ในกรณีมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ตนจะไปร่วมตรวจสอบตามที่ลิขสิทธิ์ร้องมา บางครั้งจะมีการนำทหารไปร่วมจับกุมและร่วมตรวจสอบด้วย
จากการสอบถามบุคคลดังกล่าวนั้น พยายามพูดจาปัดตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มลิขสิทธิ์และการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด แค่มาร่วมตรวจสอบตามที่กลุ่มลิขสิทธิ์ร้องขอไปเท่านั้น
ซึ่งจากเหตุการณ์ความวุ่นวายดังกล่าวนั้นทางกลุ่มผู้สื่อข่าวเมืองพัทยาได้ทำการว่ากล่าวถึงการกระทำของผู้สื่อข่าวเหยี่ยวข่าว ถึงความไม่เหมาะสมและผิดจรรยาบรรณของอาชีพผู้สื่อข่าว อีกทั้งการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ผู้ประกอบการต่างๆในเมืองพัทยาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ข่าวเมืองพัทยาที่ไปร่วมมือหาผลประโยชน์ ซึ่งอาจทำให้เสื่อมเสียแก่ผู้สื่อข่าวเมืองพัทยา อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวจะได้รวมรวบพยานหลักฐานนำเสนอต่อทางสมาคมนักข่าวพัทยาต่อไป