แบ่งปัน

โฆษกเมืองพัทยาสร้างความเข้าใจจัดระเบียบป้ายร้าน-ป้ายโฆษณาวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้

โฆษกเมืองพัทยาสร้างความเข้าใจจัดระเบียบป้ายร้าน-ป้ายโฆษณาวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ย้ำเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบ หลังพบป้ายผิดกฎหมาย 99% เล็งออกแบบยึดโมเดลป้ายประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นย้ำภาพพลาซ่ากลางคืน

(2 ส.ค.2560) พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ โฆษกเมืองพัทยา เปิดห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยาแถลงชี้แจงประเด็นการจัดระเบียบป้ายร้านและป้ายโฆษณาภายในโครงการถนนคนเดิน หรือวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ภายหลังจากมีกระแสว่าผู้ประกอบการภายในโครงการดังกล่าวหวั่นว่าจะกระทบภาพ ลักษณ์การท่องเที่ยว เพราะป้ายไฟต่างเป็นสีสันให้ค่ำคืนในเมืองท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี หากมีการรื้อป้ายไฟทั้งหมดจะทำให้พื้นที่เศรษฐกิจหลักของเมืองพัทยาเงียบเหงาไป

โดยระบุว่าเรื่องดังกล่าวนายกเมืองพัทยา พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยและความสวยงาม ประกอบกับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนทำให้เกิดฟ้าฝนและลมกรรโชกแรง อีกทั้งจากการสำรวจพบว่ามีผู้ประกอบการที่มีป้ายไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดอยู่ถึง 99% รวม 145 ป้าย หากเกิดปัญหาอัคคีภัยขึ้นภายในวอล์กกิ้งสตรีทจะสร้างความยากลำบากต่อรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ และเกิดความสูญเสียมากมายตามมา

อย่างไรก็ตามล่าสุดได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการบางส่วนถึงแนวทางการจัดการเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบและเห็นด้วยในแนวทาง แต่อยากให้เมืองพัทยามีการออกแบบรูปแบบป้ายร้านและป้ายโฆษณา รวมถึงป้ายไฟต่างๆ ให้เป็นรูปแบบเดียวกันที่มีความสวยงามและมีโครงสร้างที่มั่นคง ก่อนจะนำเสนอให้กับกลุ่มผู้ประกอบการได้ร่วมกันพิจารณาเพื่อปรับใช้เป็นแนวทางเดียวกันเพื่อภารดรภาพของการจัดระเบียบเรื่องดังกล่าวต่อไปด้วย

ต่อข้อซักถามถึงเรื่องการจัดระเบียบป้ายในวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ จะกระทบกับการดำเนินการโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ที่ภาครัฐกำลังจะดำเนินการใน 4 เมืองท่องเที่ยวสำคัญของประ เทศ คือ พัทยา, เชียงใหม่, หาดใหญ่และโคราช ด้วยงบประมาณรวม 11,668 ล้านบาท โดยในส่วนของเมืองพัทยา กำหนดดำเนินการรวม 3 เฟส ในงบประมาณจำนวน 3,100 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่สุขุมวิท-พัทยากลางก่อนในช่วงประมาณปลายปี 2560 นั้น ทราบว่าในปี 60 นี้ จะเป็นการสำรวจพื้นที่ดำเนินการ ก่อนในปีหน้าจะเปิดหน้างานในส่วนของพื้นที่ถนนพัทยาเหนือและบาลีฮายตามขั้นตอน ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ