แบ่งปัน

อดีตนายพลทหารเรือพาลูกชายให้ปากคำถูกครูฝึกหน่วยรบ RECON ทำร้ายอาการสาหัส

จากกรณีอดีตทหารเรือยศพลเรือตรี ทุบทำลายแท่นรับการเคารพของครูฝึก ที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เนื่องจากไม่พอใจที่บุตรชายพ้นสภาพการเป็นนักเรียนหลักสูตร รีคอน หรือ หลักสูตรรบพิเศษ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เพราะบาดเจ็บ ล่าสุด วันนี้ เข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดกับครูฝึกแล้ว            ที่สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พลเรือตรี เบญจพร บวรสุวรรณ นายทหารนอกราชการ ได้พา เรือตรี ตถาพร บวรสุวรรณ ซึ่งเป็นลูกชาย เข้าให้ปากคำกับ ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ คำกอง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ เจ้าของคดี พร้อมด้วย พันตำรวจโท ปิยะวัฒน์ นามดุ้ง รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ หลังจากได้เข้ามาแจ้งความไว้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กรณีได้รับบาดเจ็บจากการฝึกหลักสูตรการรบพิเศษ แขนงการลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก และจู่โจม นาวิกโยธิน หรือรีคอน ซึ่งเป็นหลักสูตรหน่วยรบพิเศษ นาวิกโยธิน จนได้รับบาดเจ็บ ซี่โครงขวาหัก 2 ซี่ มีแผลที่หลัง และติดเชื้อในกระแสเลือดต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล                   ซึ่งในการให้ปากคำวันนี้ เรือตรี ตถาพร บอกว่า ผมอยากจะออกมากอบกู้เกียรติยศ และเกียรติภูมิของครอบครัวผม ที่ถูกกล่าวหา ถูกบิดเบือนข่าว ที่กล่าวหาว่าผมอ่อนแอ ฝึกไม่ไหว ที่กล่าวหาว่าผมตกจากที่สูง ทำให้ซี่โครงหัก แผลเกิดจากฝึก ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะผมโดนมากับตัว ไม่ควรจะมาใส่ความกันอย่างนี้ ซึ่งที่จริงผมถูกครูฝึกใช้หางกระเบน และไม้หวาย เฆี่ยนตี ที่แผ่นหลัง และใช้เท้าเตะ เข้าที่ชายโครง พร้อมถูกใช้ด้ามปืนเอ็ม 16 ตีที่ศีรษะ ส่วนอาการที่บาดเจ็บดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องกลับไปรักษาตัวต่อในโรงพยาบาล สมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือต่อ

พลเรือตรี เบญจพร บวรสุวรรณ นายทหารนอกราชการ กล่าวว่า วันนี้เราพาลูกชายมาให้ปากคำ เรื่องของรายละเอียด ซึ่งก่อนหน้านี้ทางผู้บังคับบัญชาของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้โทรศัพท์ไปหาผมบ่อย ประมาณ 4-5 ครั้ง ก็ได้แต่ขอโทษ ถ้าจะขอโทษก็อย่ามาพูดแต่ปากว่าตาขยิบ ให้มีความเป็นลูกผู้ชาย มีความเป็นชายชาติทหาร เอาเรื่องจริงมาพูดกัน ไม่ใช้ไปบอกว่าเด็กมันตกมาจากที่สูง แล้วก็ไปบอกว่าจะไม่ให้ข่าวแล้วแต่ก็ยังไปให้ข่าวที่ผิดๆ แบบนี้มันไม่ใช้ชายชาติทหาร มันผิดเพี้ยงไปหมดแล้ว หลักสูตรมันต้องถูกยกเลิก และทบทวนใหม่ในการฝึก หัวใจของหลักสูตร รีคอน มันจะต้องใช้สมองมากกว่ากำลัง ฝากบอกไปยังน้องๆ นักรบรีคอนด้วย เพราะผมก็ผ่านการฝึกหลักสูตรนี่มา รุ่นที่ 15 และรุ่นผมก็มีเสียชีวิต แต่เป็นป่วยโรคมาลาเยแต่ไม่ได้รับการรักษา เรื่องนี้ผมอยากจะบอกไปถึงทุกหลักสูตร ที่ยืนยันว่าการ เฆี่ยนตี ทำให้คนฉลาด จะทำให้คนที่จบนำหน่วยไปได้อย่างปลอดภัยมันไม่ใช้ ในเมื่อครูฝึกยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่ารีคอน และจัดมาฝึกเขาได้ยังไง คำว่าครูต้องทำตัวให้สมกับคำว่า เป็นพี่ใหญ่ใจดีที่แสนโหด พวกคุณท่องไว้เลยถ้าอยากจะเป็นครูรบพิเศษ คุณเข้าใจคำๆนี้หรือเปล่า ถ้าเด็กไม่ไหวก็ควรจะบอกลูกศิษย์ให้ลาออกไป ไม่ใช้มาเฆี่ยนตีแบบนี้ ลูกผมเนี่ย สลบไปแล้ว อาเจียนแล้วยังไปตีฟาดๆอยู่นั้น มันทำกันไม่ได้ครับเพราะไปแตะเนื้อต้องตัวเขาไม่ได้

ที่มีข่าวผมไปขโมยเอาปืนที่หน่วยออกมานั้น ผมนำมาเพื่อเอาไปแจ้งความโดยผมได้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาหน่วยไปแล้ว โดยปืนประจำตัวลูกผมนั้นบริเวณท้ายปืนมีรอยแตกเนื่องจากการนำท้ายปืนไปตีศีรษะลูกผม ซึ่งตอนเกิดเหตุผมไปกับลูกสาว 2 คน ซึ่งตอนผมไปเอาปืนมีทหารอยู่ที่หน่วยเกือบ 20 คน ถ้าผมไปขโมยมาจริง จะเอาออกมาได้ได้ยังไง และที่มีการกล่าวหาว่าผมไปด่าทหารว่าจะให้เป็นยามนั้นก็ไม่จริง เพราะผมได้ไปที่หน่วยแล้วได้แสดงบัตรว่าผมเป็นนายพลทหารเรือ เกษียณอายุราชการแล้ว แต่ทหารไม่มีการแสดงความเคารพหรือการสวัสดีเลยจึงได้ต่อว่าไปว่าไม่มีสัมมาคารวะ ไม่มีมารยาทสังคม ไม่มีความเป็นอาวุโส ส่วนที่บอกมีการปืนยิงใน โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าสิริกิติ์นั้น ก็ไม่ใช้เรื่องจริงเพราะถ้าผมเอาปืน เอ็ม-16 ยิง กำแพงเป็นทะลุไปแล้ว เพราะตอนเอาปืนออกมาจากหน่วยก็ไม่มีลูกและแม็กกาซีนแต่อย่างใด และผมก็คืนปืนไปตั้งแต่วันที่ผมเอาออกมาแล้ว ส่วนที่มีถ่ายรูปภาพคืนปืนนั้นเป็นการคืนครั้งที่ 2 เพื่อเป็นหลักฐานว่าผมได้นำปืนคืนไปแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่าผมได้ใช้อาวุธปืนจี้บังคับ พลเรือตรี รณรงค์ สิทธินันท์ ผู้ผู้บัญชาการศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ไปนั้นก็ไม่ใช้เรื่องจริง ผมได้บอก กับ รณรงค์ ว่า เดียวไปคุยกัน โดยผมบอกให้ รณรงค์ เป็นคนขับพาไป โดยขับไปถึงจันทบุรี พร้อมกับนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน โดยมี พลเรือตรี นพดล ปัญญาโฉม รองผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ร่วมรับประทานด้วย เพื่อพูดคุยกันแบบ นักรบรีคอนกันก็แค่นั้น

ด้านพันตำรวจโท ปิยะวัฒน์ นามดุ้ง รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ บอกว่ากรณีนี้ ถ้ามีผู้ร้องทุกข์เสียหายเราทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายไป เบื้องต้นจะได้เชิญครูฝึกมาให้ปากคำ โดยทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชา ซึ่งต้องมีขั้นตอน จึงจะสรุปได้ว่าคดีนี้เป็นการทำร้ายร่างกายหรือไม่