แบ่งปัน

ตำรวจเตรียมแจ้งหลายข้อหาหนัก พลเรือตรีพร้อมลูกสาว พ่อ น.ร. รีคอนก่อนสรุปสำนวนส่งอัยการ

วันนี้ 8 ธ.ค.60 พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนมากำกับดูแลคดีนายพลทหารเรือนอกราชการ ทำลายทรัพย์สินราชการ ชิงทรัพย์ ปืน M-16 ออกไปจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ก่อนจะนำไปยิง ในโรงพยาบาล และกักตัวหน่วงเหนี่ยวทางผู้บัญชาการศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการ นาวิกโยธิน เดินทางทางมายัง สภ. สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.

ชลบ6รี เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้า โดยมี พ.ต.อ.ชโลธร เปรมปรี ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.ปิยะวัฒน์ นามดุ้ง รอง ผกก.สส.สภ.สัตหีบ พร้อมตรวจสำนวนการสอบสวน พยานหลักฐาน จากการสอบปากคำพยาน พร้อมสั่งการให้ทำคดีด้วยความรอบคอบรัดกุม ก่อนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนคดีส่งให้พนักงานอัยการเร็วที่สุด ก่อนสิ้นเดือน กุมภาพันธ์ 2561

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ได้ตรวจสอบ กล้องวงจรปิดต่างๆ พบว่า พลเรือตรี เบญจพร บวรสุวรรณ พร้อมลูกสาว อายุ 19 ปี ได้เดินทางไป ทำลายทรัพย์สินทางราชการ และชิงทรัพย์ปืน M-16 ทรัพย์สินทางราชการ จากแผนกวิชาการรบพิเศษ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ด้วยการถืออาวุธปืนพกสั้น ลงไปด้วยก่อนที่บุตรสาว จะเป็นผู้ถือและสะพายอาวุธปืน M-16 ออกไป และยังมีภาพวงจรปิดจับภาพได้ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่บุตรสาว ถือปืน M-16 เข้า-ออก ใน รพ.เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งคลิปที่บุตรสาว ส่งแม็กกระสุน อาวุธปืน M-16 ให้พ่อ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นภายใน รพ. และยังมีการ กักตัวหน่วงเหนี่ยว ผู้บัญชา การศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการ นาวิกโยธิน ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเดินหน้าดำเนินคดี พร้อมเตรียมออกหมายเรียก พลเรือตรี เบญจพร บวรสุวรรณ พร้อมลูกสาว อายุ 19 ปี มาสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาในชั้นพนักงานสอบสวน

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา พลเรือตรี เบญจพร บวรสุวรรณ ในข้อหาใช้อาวุธปืนพกสั้นชิงทรัพย์สินทางราชการ M-16 ,ทำลายทรัพย์สินทางราชการ ,มีและพกพาอาวุธปืน (ปืนพกสั้นที่นำติดตัวไป และปืน M-16 อาวุธสงคราม ที่ขโมยออกไป) และเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หรือติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต,ยิงปืน (M-16 อาวุธสงคราม )โดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือ ที่ชุมชน   สำหรับลูกสาวขณะนี้เตรียมออกหมายเรียกมาสอบสวน ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์สินทางราชการ M-16 , มีและพกพาอาวุธปืน (ปืน M-16 อาวุธสงคราม ที่ขโมยออกไป) และเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หรือติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะในกล้องวงจรปิดมีการบันทึกภาพได้ว่าเป็นผู้ถือและสะพายอาวุธปืน M-16 ออกไปจากหน่วยรบพิเศษ และเดินเข้า-ออก รพ. สำหรับกรณี พลเรือตรี ที่ได้ใช้ปืน คุมตัว ผบ.ศฝ.นย. ให้ขับรถตู้ออกจาก รพ. ก่อนปล่อยตัวในพื้นที่ จังหวัดจันทบุรี กำลังรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นเราได้รวบรวมหลักฐานคือ ภาพวงจรปิดและภาพความเสียหาย ของทรัพย์สินทางราชการ ทั้งที่หน่วยรบพิเศษ และ ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ รวมทั้งพยานบุคคล ทั้งนี้ เหตุเกิดตั้งแต่ บ่ายวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาที่ พลเรือตรีนอกราชการคนนี้ เดินทางไป ที่แผนกวิชารบพิเศษ พูดจาข่มขู่และทำลายทรัพย์สินทางราชการ และชิงทรัพย์ ปืน M- 16 จากทหารโดยมีภาพวงจรปิด ยืนยันชัดเจน พร้อมทั้งมีการนำอาวุธปืนพกสั้นติดตัวไปด้วย

ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ย.2560 พลเรือตรี รณรงค์ สิทธินันท์ ผู้บัญชาการศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการ นาวิกโยธิน   ได้ไปเยี่ยม “เรือตรี” นักเรียน Recon ที่บาดเจ็บ ที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และเจรจากับ “พลเรือตรี” ที่สวมชุดพรางทหารเรือ เพื่อขออาวุธปืน M- 16 ของทางราชการคืน แต่พลเรือตรีไม่ยอม จนที่สุดมีการยิงปืนในโรงพยาบาล จนผนังห้องเป็นรูเสียหาย โดยในคลิปพบว่าบุตรสาว ได้หยิบส่งแม็กกระสุนอาวุธปืน M-16 ให้พ่อ   จากนั้นพลเรือตรีได้ใช้ปืน คุมตัว ผบ.ศฝ.นย. ให้ขับรถตู้ออกจาก ร.พ.ฯ ก่อนปล่อยตัวในพื้นที่ จังหวัดจันทบุรี

สำหรับคดีที่ลูกชายนายพล ที่ถูกครูฝึกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการฝึกนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้มีการเรียกครูฝึกที่ถูกกล่าวหาทำร้ายร่างกาย มาสอบสวนแล้วซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานและการสอบปากคำพยานบุคคล ก่อนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนคดีส่งให้พนักงานอัยการเร็วที่สุด ก่อนสิ้นเดือน กุมภาพันธ์ 2561 เช่นกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง สภ.สัตหีบ และ สภ.พลูตาหลวง ได้ทำตามหน้าที่และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ตามพยานบุคคลและหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ปรากฏอยู่    จุฑารัตน์ เปิดห้องข่าว 13.30