แบ่งปัน

กฟภ.เสาวนาร่วมผู้ประกอบการ Walking Street พัทยา แจงแผนทำโครงการสายไฟ ฟ้าในเมืองใหญ่”  เผยพร้อมลงดินตามแผนต้นปี 63 ด้านผู้ประกอบการหวั่นผล กระทบท่องเที่ยวระยะก่อสร้าง 3 เดือน

ที่ร้าน Raas ถนนวอล์คกิ้งสตรีท  เจ้าหน้า ที่จากสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเมืองพัทยา ร่วมกับเมืองพัทยา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกล่มสมาคมผู้ประกอบการค้าวอล์คกิ้งสตรีทพัทยา จัดประชุมสานเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการค้าในพื้นที่วอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ เพื่อร่วมหารือ รับฟังความคิดเห็น และการชี้แจงแผนการดำเนิน “โครงการสายไฟ ฟ้าในเมืองใหญ่” ซึ่งมีแผนการจัดทำโครงการดังกล่าวในพื้นที่วอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ ซึ่งถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองพัทยา โดยมี พลตำรวจตรีอนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา คณะผู้ บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง พร้อมด้วย นายนิรุติ เจริญชอบ ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเมืองพัทยา นายนริศ เพ็ชรรัตน์ นายกผู้ประกอบการค้าวอล์คกิ้ง รวมทั้งผู้ประกอบการและสื่อมวล ชนเข้าร่วม นายนิรุต เจริญชอบ ผจก.กฟภ.พัทยา กล่าวว่าสำหรับ “โครงการสายไฟฟ้าในเมืองใหญ่” เป็นแผนตามนโยบายของรัฐบาลในการจัดระเบียบสายสื่อสาร และภูมิทัศน์ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ 4 หัวเมืองหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา หาดใหญ่ และโคราช ซึ่งมีแผนดำเนินการระหว่างปี 2560-2564 ในงบประมาณรวมกว่า 11,668 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว

โดยในส่วนของเมืองพัทยานั้นมีแผนจะดำเนิน งานในพื้นที่ถนน 8 เส้นทางหลัก ในงบประมาณกว่า 3,100 ล้านบาท ประกอบด้วย ถนนสุขุมวิท ถนนพัทยากลาง ถนนสายชายหาด ถนนพัทยาสาย 2 ถนนพัทยาสาย 3 ซอยเล้งกี่พัทยาใต้ ซอยบัวขาว และวอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ รวมระยะทางทั้งหมดกว่า 46 กม. ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการไปแล้วในส่วนของพัทยากลาง สุขุมวิท และพัทยาเหนือ ที่มีความคืบหน้ากว่า 50 % ขณะที่วอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ เป็นพื้นที่ที่ 4 ที่จะดำเนินการ แต่ด้วยเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญจึงมีการประชุมหารือร่วมทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้ประกอบการเพื่อชี้แจงและรับฟังความคิดเห็น ก่อนนำไปปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์และลดผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ด้านนายธนู สุรชัยสิขวิทย์ หัวหน้าแผนกจัดการงานโครงการก่อสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้า

กฟภ.เปิดเผยถึงแผนโครงการดังกล่าวว่าสำหรับพื้นที่แห่งนี้จะมีการดำเนินการใน 2 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ที่ได้จัดทำไปแล้ว ได้แก่ การปรับปรุงระบบสายส่งเพื่อลดปัญหาไฟไหม้ การเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีอายุเกินกว่า 10 ปีจำนวน 7 หม้อ การบำรุงรักษาหม้อแปลง การเปลี่ยนสายไฟฟ้าแรงต่ำ และการติดตั้งการ์ดเพื่อป้องกันสัตว์ จำพวก นก งู หนู กระรอก และอื่นๆที่อาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดเพลิงไหม้ได้ ซึ่งเคยเกิดปัญหาเหล่านี้มาแล้วหลายครั้ง ขณะที่แผนระยะยาวคือ “แผนการนำสายไฟฟ้าลงดิน” (Under Ground Cable) ตามโครงการสายไฟ ฟ้าในเมืองใหญ่ ซึ่งมีแผนการดำเนินการ 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การออกแบบสำรวจ 2.การเสนอเพื่อขออนุมัติแบบ 3.การสรรหาผู้รับจ้าง และ 4.การดำเนินโครงการ ซึ่งปัจจุบันได้มีการสำรวจออกแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาอนุมัติ จึงมีการประชุมร่วมผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับความคิดเห็นโครงการ และผลกระทบเพื่อนำไปปรับแก้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินโครงการได้ในช่วงต้นปี 2563

นายธนู กล่าวต่อไปว่าลักษณะของการเปิดหน้างานในโครงการวอล์คกิ้งสตรีท คงจะมีรูปแบบที่คล้าย คลึงกับการดำเนินการบนถนนพัทยาเหนือ โดยจะมีการเปิดผิวจราจรบริเวณกลางถนนเปิดขุดหลุมขนาดความลึก 2 เมตร ปากหลุม 3 เมตร ในการวางระบบท่อ และบ่อพักสายสำหรับร้อยท่อขนาด 22 Kv และ สายไฟฟ้าแรงต่ำจำนวน 127 บ่อ ตลอดระยะความยาวของแนวถนนประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งในช่วงของการก่อสร้างนั้นจะมีการปิดผิวจราจรตรงกลางในระยะ 4 เมตรที่กันแนวด้วยแบริเออร์ทั้ง 2 ด้าน ครั้งละความยาวประมาณ 30 เมตร โดยจะเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสัญจรผ่านช่วงหน้างานได้ทั้ง 2 ด้านในระยะ 1-2 เมตรต่อด้าน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบการจราจรและการท่องเที่ยวในบางส่วนได้ ทั้งนี้ กฟภ.มีแผนที่จะดำเนินการในหลายเสร็จในแต่ละช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ และคาดว่าหากไม่ประสบปัญหาเรื่องระบบสาธารณูปโภคใต้ดินก็คงจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการในระยะเวลา 3 เดือน

อย่างไรก็ตามด้วยถนนในโครงการที่มีความคับแคบและอาจส่งผลกระทบได้ จึงมีแผนที่จะขยับเวลาของโครงการให้พ้นจากฤดูท่องเที่ยวหรือ “ไฮซีซั่น” ซึ่งกำหนดไว้ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ปี 2563 ทั้งนี้ในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการซักถามข้อสงสัย และเสนอแนวคิดต่อความวิตกกังวลกรณีผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ซึ่งทาง กฟภ.จะรับไปพิจารณาและแก้ไข รวมทั้งการจัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาร่วมกันในการปรับแก้เพื่อให้เกิดความเหมาะสมอต่อไป