แบ่งปัน

“ป้ามนุษย์น้ำ” ทนทุกข์นับ 10 ปี บ้านพักพร้อมที่ดินกว่า 3 ไร่ หลังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังจมบาดาลเพราะถูกนายทุนกว้านซื้อที่ถมดินสูงรอบบ้านจนบ้านกลายเป็นแอ่งกระทะ ร้องหลายหน่วยงานจนน้ำตาแห้งก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ระบุถูกบีบซื้อที่ดินราคาถูกให้ย้ายออกวอนผู้บริหารเมืองยุคใหม่


วันนี้ (10 ต.ค.) นายพัฒนา บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยนายบันลือ กุลละวนิชย์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมคณะและเจ้าหน้าที่จากสำนักช่างสุขาภิบาลเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่บริเวณด้านหลังโครงการตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา ซอยสุขุมวิท 98 ที่บ้านพักเลขที่ 71 ม.4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสภาพความเดือดร้อน ความเสียหายของทรัพย์สิน และสภาพจิตใจของชาวบ้าน จากกรณีที่ต้องประสพกับปัญหาน้ำท่วมขังของบ้านหลังดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับการร้องเรียนว่าเกิดปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำ ซ้ำซาก ซึ่งกรณีนี้มีการร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแล้วแต่ก็ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เจ้าของบ้านต้องทนทุกข์กับสภาพความเดือดร้อนเป็นเวลานานแรมเดือนมานานนับ 10 ปี โดยพบกับ นางสมนึก ห้วยใหญ่ อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวพร้อมเครือญาติ ออกมาชี้แจงถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
นางสมนึก เล่าทั้งน้ำตาว่าที่ดินแห่งนี้มีพื้นที่รวมกว่า 3 ไร่เศษ อยู่กินด้วยการทำนามาแต่สมัยปู่ย่า ตายาย แต่เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีโครงการสร้างแหล่งท่องเที่ยวสำคัญขึ้นด้านข้างของที่ดิน ซึ่งพบว่ามีการทำถนน การพัฒนาที่ดินเพื่อการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีนายทุนหลายรายมาซื้อที่ดินข้างเคียงและมาถมดินจนสูงหลายเมตร จนสุดท้ายทำให้ที่ดินของบ้านมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ดังนั้นเมื่อเกิดฝนตกจึงทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านทุกครั้ง เฉลี่ยสูงกว่า 30 ซม.-1 เมตรจนพักอาศัยอยู่ไม่ได้ เรื่องนี้ที่ผ่านมาได้ร้อง เรียนไปยังหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง ทั้งเมืองพัทยา เทศบาลตำบลห้วยใหญ่ รวมทั้งอำเภอบางละมุง ให้เข้ามาช่วยแก้ไข โดยครั้งก่อนมีนายนริศ นิรามัยวงศ์ นายอำเภอบางละมุง ลงมาตรวจสอบพร้อมผู้เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้เมืองพัทยาโดยหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเอารถมาสูบน้ำออกช่วยเหลือ จัดทำการทางระบายน้ำใหม่ และสั่งการให้เมืองพัทยาไปทำการตรวจสอบปัญหาการถมที่ดินง่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่สุดท้ายจนถึงปัจจุบันปัญหาเหล่านี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด แถมยังมีการดำเนินการถมที่ดินอย่างต่อ เนื่องจนแล้วเสร็จ และน้ำก็ยังท่วมอยู่อย่างต่อเนื่องจนจมบาดาล เหมือนบ่อปลาขนาดใหญ่


นางสมนึก กล่าวต่อไปว่าตนเองเป็นชาวบ้านยากจนที่ไม่มีปัญหาไปต่อสู้กับใคร ทำได้แต่เพียงร่วมกับญาติพี่น้องร้องขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆด้วยหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นตามคาดเพราะยังคงมีปัญหามาโดยตลอด ที่ผ่านมามีนายทุนมาขอซื้อที่ดินบอกให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะจะนำที่มาพัฒนาประโยชน์ โดยจะสร้างบ้านให้ใหม่ 1 หลังและมอบเงินให้จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้มองว่าเป็นการเอาเปรียบกันเกินไปเพราะราคาประเมินที่ดินข้างเคียงก็สูงถึงไร่ละ 5-6 ล้านบาท ขณะที่ดินที่บ้านมีขนาดถึง 3 ไร่กว่า จึงจำใจต้องทนทุกข์ต่อไปจากปัญหาน้ำท่วมขัง แถมที่ดินหน้าบ้านก็ยังมีการนำขยะมาทิ้งสร้างความเดือดร้อนรำคาญอีกด้วยจึงหวังว่าผู้บริหารเมืองพัทยาชุดใหม่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ได้
ด้านนายพัฒนา บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่าจากการลงดูสภาพพื้นที่พบว่าเป็นกรณีที่น่าเห็นใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นคนชราที่สภาพที่พักอาศัยถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานจนอาศัยอยู่ไม่ได้ เรื่องนี้แม้จะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยสูบน้ำออกจากบ้านแต่ก็เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถาวร จึงได้แจ้งให้นายกเมืองพัทยาทราบซึ่งนายกฯก็รับปากว่าจะประสานไปยังนายทุน หรือเจ้าของโครงการข้างเคียงในการเจรจาการซื้อที่ดินใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและชาวบ้านสามารถรับได้ ขณะที่ปัญหาการถมดินข้างเคียงจะมีการเรียกเจ้า หน้าที่จากสำนักช่างเมืองพัทยามาสอบถามข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนแผนระยะยาวนั้นขณะนี้ได้รับงบ ประมาณอุดหนุนจากสำนักงบประมาณในการก่อสร้างรางรับน้ำ และบล็อกรับน้ำขนาด 5,000 ลบ.ม.เพื่อป้องกันน้ำหลากจากฝั่งตะวันออกลงสู่พื้นที่ราบต่ำ โดยจะส่งน้ำด้วยระบบสูบจากเครื่องขนาด 1.5 ลบ.ม./วินาทีไปลงยังคลองห้วยใหญ่ พร้อมทั้งการจัดสร้างถนนสาธารณะและท่อระบายน้ำขนาดใหญ่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้โครงการดังกล่าวได้ตัวผู้รับเหาแล้วเหลือเพียงการลงนามสัญญาจ้างและมอบพื้นที่เพื่อเข้าดำเนินการ โดยคาดว่าคงจะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้และจะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็วต่อไป..