อัมพร/พัทยา
บิ๊กตู่ ประยุทธ์ ตรวจสนามบินอู่ตะเภา ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 มิ.ย.59 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นาง อรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินมายังท่าอากาศ เพื่อลงพื้นที่ติดตามผลการปฏิบัติราชการ จ.ระยอง ประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จังหวัด.ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พร้อมกับเยี่ยมชมโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อการรองรับการลงทุนตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0
สำหรับ สนามบินอู่ตะเภา เป็นสนามบินนานาชาติ ใช้ชื่อว่า ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ถูกใช้เป็นสนามบินสำรองของสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง นอกจากนี้ยังเป็นสนามบินเพื่อความมั่นคงของชาติ เป็นที่ตั้งของ 9 ฝูงบิน ภายในกองทัพเรือ และเป็นที่ฝึกเครื่องบินแอร์บัส 380 ของการบินไทยมีทางวิ่งรันเวย์ 18-36 ขนาด 3,505 x 60 เมตร ลานจอดผิวพื้นคอนกรีตสามารถจอดเครื่องบินขนาดใหญ่ได้มากถึง 49 ลำ
โดย ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา-ระยองพัทยาตั้งอยู่ที่รอยต่อระหว่างจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง เปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารและสายการบินที่เดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังให้บริการแก่เที่ยวบินเช่าเหมาลำและเที่ยวบินส่วนตัวด้วยผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานอู่ตะเภา จะสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางไปยังพัทยา และจันทบุรี อย่างมาก เพียง 30 นาที ไปยังพัทยา หรือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หากจะไปยังจันทบุรีก็ใช้เวลาเพียง 2 ชม. จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนชายทะเลภาคตะวันออก นักธุรกิจที่จะเดินทางมาติดต่อธุรกิจในพื้นที่ ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี
สำหรับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างมีพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้วันละ 1,500 คน และปรับปรุงรันเวย์รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ ขึ้นลงพร้อมกันได้ครั่งละ 4 เครื่อง วงเงินจำนวน 239 ล้านบาท ประกอบด้วย ปรับปรุงสถานีจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน .จัดหาสะพานเทียบเครื่องบิน.จัดหาอุปกรณ์ไฟนำทางเครื่องบินเทียบสะพาน ก่อสร้างคลังสินค้า จำนวน 2 หลัง จัดหาอุปกรณ์การขนถ่ายสินค้า ปรับปรุงผิวทางวิ่ง จัดหาอุปกรณ์ภาคพื้นอากาศยาน นอกจากนี้ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ในระดับต่าง ๆ เข้ารับการศึกษาและอบรมอย่างต่อเนื่องทุกปี จากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย กรมการบินพลเรือน และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับด้านการบิน เพื่อให้กำลังพลมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานสากล และมีความสามารถบริหารงานได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและกำลังพลให้มีความสามารถบริหารงานได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและกำลังพลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป คาดว่า ปลายปี 2559 อาคารหลังใหม่จะแล้วเสร็จแล้วพร้อมเปิดใช้บริการ