แบ่งปัน

13442406_1619324085052551_3870178558653962544_n   13450889_1619324525052507_6223107181026310221_n

13521887_1619324775052482_1952436749460738395_n   13521941_1619324721719154_3488230936309742615_n

อัมพร/พัทยา

บิ๊กตู่ ประยุทธ์  ตรวจสนามบินอู่ตะเภา  ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

เมื่อเวลา 10.00  น. วันที่ 22 มิ.ย.59  ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นาง อรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินมายังท่าอากาศ  เพื่อลงพื้นที่ติดตามผลการปฏิบัติราชการ จ.ระยอง ประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จังหวัด.ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา  พร้อมกับเยี่ยมชมโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อการรองรับการลงทุนตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0

สำหรับ  สนามบินอู่ตะเภา เป็นสนามบินนานาชาติ ใช้ชื่อว่า ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา  ถูกใช้เป็นสนามบินสำรองของสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง นอกจากนี้ยังเป็นสนามบินเพื่อความมั่นคงของชาติ เป็นที่ตั้งของ 9 ฝูงบิน ภายในกองทัพเรือ และเป็นที่ฝึกเครื่องบินแอร์บัส 380 ของการบินไทยมีทางวิ่งรันเวย์ 18-36 ขนาด 3,505 x 60 เมตร ลานจอดผิวพื้นคอนกรีตสามารถจอดเครื่องบินขนาดใหญ่ได้มากถึง 49 ลำ

โดย ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา-ระยองพัทยาตั้งอยู่ที่รอยต่อระหว่างจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง   เปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารและสายการบินที่เดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ  นอกจากนี้ยังให้บริการแก่เที่ยวบินเช่าเหมาลำและเที่ยวบินส่วนตัวด้วยผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานอู่ตะเภา   จะสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางไปยังพัทยา  และจันทบุรี อย่างมาก เพียง 30 นาที ไปยังพัทยา หรือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หากจะไปยังจันทบุรีก็ใช้เวลาเพียง  2  ชม.    จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนชายทะเลภาคตะวันออก  นักธุรกิจที่จะเดินทางมาติดต่อธุรกิจในพื้นที่ ชลบุรี  ระยอง  และจันทบุรี

สำหรับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างมีพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้วันละ 1,500 คน และปรับปรุงรันเวย์รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ ขึ้นลงพร้อมกันได้ครั่งละ 4 เครื่อง   วงเงินจำนวน 239 ล้านบาท ประกอบด้วย ปรับปรุงสถานีจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน .จัดหาสะพานเทียบเครื่องบิน.จัดหาอุปกรณ์ไฟนำทางเครื่องบินเทียบสะพาน ก่อสร้างคลังสินค้า จำนวน 2 หลัง จัดหาอุปกรณ์การขนถ่ายสินค้า ปรับปรุงผิวทางวิ่ง จัดหาอุปกรณ์ภาคพื้นอากาศยาน นอกจากนี้ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ในระดับต่าง ๆ เข้ารับการศึกษาและอบรมอย่างต่อเนื่องทุกปี จากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย กรมการบินพลเรือน และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับด้านการบิน เพื่อให้กำลังพลมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานสากล และมีความสามารถบริหารงานได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและกำลังพลให้มีความสามารถบริหารงานได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและกำลังพลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป คาดว่า ปลายปี 2559  อาคารหลังใหม่จะแล้วเสร็จแล้วพร้อมเปิดใช้บริการ