แบ่งปัน

33713 337163371733715

อัมพร/พัทยา

สตม.ดึงผู้ประกอบการที่มีชาวต่างชาติในความรับผิดชอบเขตภาคตะวันออก แจงกฎหมาย Overstay เพิ่มมาตรฐานให้สังคมปลอดภัยจากภัยคุกคาม เผยภาคะวันออกเมืองพัทยามีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากที่สุด

วันนี้ (10 มี.ค.) ที่โรงแรมดิชคัฟเวอรี่บีช พัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. เป็นประธานเปิดโครงการประชาสัมพันธ์การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมี ตัวแทนเมืองพัทยา สมาคมผู้ประกอบการโรงแรม มัคคุเทศก์ สถานศึกษา สถานพยาบาล นิคมอุตสาหกรรม มูลนิธิ บริษัทห้างร้านที่มีชาวต่างชาติในความรับผิดชอบเขตจังหวัดภาคตะวันออกกว่า 300 คน เข้าร่วม

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจและหาความร่วมมือเกี่ยวกับมาตรการควบคุมคนต่างด้าวที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต หรือ Overstay ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ มาตรา 38 โดยคำสั่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คำสั่งที่ 1/2558 ลงวันที่ 27 พ.ย.2558 เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเจ้ามาในราชอาณาจักร โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 20 มี.ค.2559 ที่จะถึงนี้

โดยกรณีคนต่างด้าวเข้ามามอบตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เกินกว่าระยะเวลาอนุญาต 90 วัน ห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่คนต่างด้าวเดินทางออกระยะเวลา 1 ปี,อยู่เกินอนุญาต 1 ปี ห้ามเข้าเป็นระเวลา 3 ปี, อยู่เกินอนุญาต 3 ปี ห้ามเข้าเป็นระยะเวลา 5 ปี และอยู่เกินอนุญาต 5 ปีห้ามเข้าเป็นระยะเวลา 10 ปี ส่วนกรณีคนต่างด้าวถูกจับกุมในระยะเวลาที่อยู่เกินอนุญาตไม่เกิน 1 ปี ห้ามเข้าเป็นระเวลา 5 ปี และอยู่เกินอนุญาต 1 ปี ห้ามเข้าเป็นระยะ 10 ปี

พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. กล่าวว่าในเขตภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากที่สุดรวมทั้งสิ้นกว่า 40,000 คน โดยเฉพาะเมืองพัทยามีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากที่สุด เนื่องเป็นพื้นที่เศรษฐกิจในฐานะเมืองท่องเที่ยวสำคัญ และมีพื้นที่เชื่อมต่อกับแหล่งนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาพักอาศัยช่วงบั้นปลายของชีวิตรวม 26,682 คน เข้ามาประกอบธุรกิจและทำงานรวม 5,212 คน และเข้ามาอาศัยอยู่กับครอบครัวคนไทย 1,200 คน ซึ่งยังไม่รวมนักท่องเที่ยวทั่วไป

หลังจากมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ 20 มีนาคม 2559 นี้ ชาวต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินโดยผิดกฎหมายและถูกกฎหมายทั้งหมดจะเข้าสู่ระบบการคัดกรองใหม่ จะสร้างความตื่นตัวให้ชาวต่างชาติที่เจ้ามาอาศัยในราชอาณาจักรได้รับตัวให้เข้ากับมาตรการดังกล่าว โดยการนำเอาเทคโนโลยีคัดกรองคนร้ายที่แฝงมาในรูปของนักท่องเที่ยวมาปรับใช้เพื่อเพิ่มมาตรฐานการตรวจคนเข้าเมืองในระดับสากลเพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยจากภัยคุกคาม

 

และหลังจากนี้ สตม.จะได้ร่วมกับตำรวจสากลในการระดมสมองแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวหมายจับอาชญากรข้ามชาติ เพื่อนำมาใช้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากลที่ช่วยคัดกรองตั้งแต่ผู้โดยสาร ก่อนเข้ามาราชอาณาจักรด้วย เพราะนักท่องเที่ยวที่มาเมืองไทยมีการเปลี่ยนถ่ายตลอดเวลา ต้องมีการอัพเดทข้อมูลด้านการตรวจคนเข้าเมืองในมาตรฐานที่มีการพัฒนาเท่าเทียมกันโดยจะทำในเมืองท่องเที่ยวหลักทั้งที่เกาะสมุย-สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ หนองคายและภูเก็ต ด้วยเช่นกัน