แบ่งปัน

2โจรใช้ผ้าปิดบังใบหน้าบุกชิงทรัพย์หนุ่มแ

อัมพร/พัทยา

2โจรใช้ผ้าปิดบังใบหน้าบุกชิงทรัพย์หนุ่มแคชเชียร์โรงแรม เหยื่อฮึดสู้ถือฟันเจ็บพร้อมโดนชิงสร้อยคอหนัก 3บาทที่สวมใส่ที่คอไปด้วย

เมื่อเวลา 04.30 น.วันที่ 29 เม.ย. 59  พ.ต.ท.กิตติพงศ์ ศรีชำนาญ สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จงชลบุรี  ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ สวีท เซนซี จอมเทียน รีสอร์ท เลขที่  138/9  ภายในซอยนาจอมเทียน2  ม.9  ถ.นาจอมเทียน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  หลังรับแจ้งจึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมเจ้าตำรวจชุดสืบสวน

ที่เกิดเหตุเป็นรีสอร์ทให้เช่าสไตล์ม่านรูดซึ่งอยู่ในซอยค่อนข้างเปลี่ยวตรวจสอบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณห้องแคชเชียร์มีร่องรอยการต่อสู้จนข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว และพบพนักงานจำนวน2คนรอตำรวจอยู่ด้วยอาการยังตกใจ  ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นซึ่งถูกคนร้ายใช้มีดฟันนั้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลเมืองพัทยาไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อคือ นายเจตริน ชายสีอ่อน อายุ 25 ปี เป็นพนักงานแคชเชียร์ ถูกคนร้ายใช้มีดและขวานฟันที่บริเวณข้อมือซ้ายเป็นแผลขนาดใหญ่เย็บกว่า20เข็มและบริเวณกลางหลังถูกแทงเป็นแผลขนาดใหญ่  ตรวจสอบภายในห้องเกิดเหตุพบร่องรอยคราบหยดเลือดของผู้บาดเจ็บและเงินสดประมาณ2พันบาทซึ่งคนร้ายทำตกไว้ที่พื้น

จากการสอบสวน  นายปฐมพงษ์ พรพิพัฒน์ อายุ  22 ปี พนักงานม่านรูดให้การว่าก่อนเกิดเหตุตนพร้อมกับเพื่อนที่บาดเจ็บอยู่ในห้องแคชเชียร์กัน2คนส่วนแม่บ้านอีก1คนก็กำลังทำงานซึ่งพวกตนนั้นเข้าเวรดึกอยู่กันรวม3คน จู่ๆได้มีคนร้ายเป็นชายจำนวน2คนใช้ผ้าโพกปิดบังใบหน้าพร้อมถืออาวุธมีดและขวานบุกเข้ามาจี้ขู่บังคับตนกับเพื่อนที่อยู่ในห้องกัน2คนสั่งให้หมอบก้มหน้าจากนั้นก็บังคับให้เอาเงินที่มีทั้งหมดให้ ซึ่งนายเจตริน (ผู้บาดเจ็บ)พยายามขัดขืนจึงถูกคนร้ายใช้มีดและขวาดฟันจนบาดเจ็บจากนั้นคนร้ายก็ชิงเอาเงินสดที่อยู่ในลิ้นชักพร้อมกับสร้อยทองหนัก3บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง ที่นายเจตริน สวมใส่อยู่ไป ซึ่งคนร้ายนั้นรีบร้อนพากันหนีไป จนทำเงินสดที่ชิงเอาไปตกไว้จำนวนหนึ่ง ส่วนเงินสดที่คนร้ายได้ไปนั้นประมาณหมื่นกว่าบาท หลังก่อเหตุคนร้ายวิ่งออกไปสตาร์ทรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอกแล้วพากันขับหลบหนีไปทางถนนสุขุมวิท ตนจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบและแจ้งหน่วยกู้ภัยฯมารับตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

จากการตรวจสอบในสถานที่เกิดเหตุเบื้องต้นนั้นก็พบว่าไม่มีกล้องวงจรปิดและพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์รวมถึงผู้บาดเจ็บก็แจ้งว่าเห็นหน้าคนร้ายไม่ชัดเจนและไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวกับใครมากก่อน หลังทราบข้อมูลเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสกัดจับกุมตัวคนร้ายแต่ก็ไม่พบ เบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปลงบันทึกที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน โดยสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะมีการวางแผนเข้ามาก่อเหตุเนื่องจากรู้ว่าบริเวณเกิดเหตุนั้นเป็นซอยเปลี่ยวและพนักงานก็มีไม่กี่คน ซึ่งแนวทางการติดตามตัวคนร้ายนั้นทางหน้าตำรวจชุดสืบสวนจึงเร่งตรวจสอบหาเบาะแสคนร้ายเพื่อเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป..