แบ่งปัน

พี่ชาย ซาบีน่า เดอะเฟส ร้องสื่อรอบสองหลังถูกฟันสาหัสคดีไม่คืบ คู่กรณียังวนเวียนขู่ทำร้าย

มาร์ค พี่ชายซาบีน่า เดอะเฟส ลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย ร้องสื่อรอบสองหลังคดีถูกบุกฟันถึงบริษัทน้ำ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนแขนซ้ายไม่สามารถใช้งานได้ แต่คดีกลับไม่คืบหน้า แถมคู่กรณียังวนเวียนให้เห็นเป็นประจำ มิหนำซ้ำยังขู่ทำร้ายหากแจ้งความอีกจะไม่จบเพียงเท่านี้ เกรงไม่ปลอดภัยกับชีวิต วอนตำรวจอย่านิ่งเฉยเร่งจับกุมดำเนินคดี

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2561 นายอาชานัย มาร์ค ไมซิงเกอร์ อายุ 25 ปี พี่ชายลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย ของ น.ส.อจิรภา ซาบีน่า ไมซิงเกอร์ เจ้าของตำแหน่ง The face Thailand คนแรกของไทยและเอเชีย ถูกอดีตลูกจ้างของบริษัทจำหน่ายน้ำดื่มที่ตนเองร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดนั้น ที่เคยไล่ออกเนื่องจากมีพฤติกรรมเสพยา พาพรรคพวกร่วม 10 คน เข้ามาหาเรื่องลูกน้องใหม่ เมื่อเข้าไปห้ามปรามก็เกิดมีปากเสียงกันจนถึงขั้นรุนแรง จนตนเองนั้นถูกฟันได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่หน้าบริษัทเนรมิต น้ำดื่ม ภายในซอยชัยพฤกษ์ 2 ซึ่งก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความพร้อมมอบหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจนให้กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ไว้เป็นหลักฐานแล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2561 ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าคดีไม่คืบหน้าทั้งที่ได้มอบภาพจากกล้องวงจรปิดและรายชื่อผู้ที่ก่อเหตุให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการเรียกคู่กรณีมาสอบสวน ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้นำภาพจากกล้องวงจรปิดไปเผยแพร่ตามที่ได้นำเสนอข่าไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าร้องเรียนกลับสื่อมวลชนอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยเล่าเหตุการณ์โดยละเอียดให้ฟังอีกครั้ง พร้อมกับเปิดเผยอาการบาดเจ็บที่ตนเองรักษาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุรวมระยะเวลากว่า 2 เดือน โดยมีอาการบาดเจ็บบาดแผลถูกฟันลึก 8 ซ.ม. เส้นเอ็นขาด กระดูกหักสองท่อน ทำให้แขนข้างซ้ายยังไม่สามารถใช้งานได้ พร้อมทั้งโชว์บาดแผลที่ถูกคมมีดกลุ่มผู้ก่อเหตุฟัน

จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อสอบถามแต่อย่างใด จึงเดินทางมาร้องสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม ให้คดีคืบหน้าบ้าง ตนเองรู้สึกเหมือนว่าต้องมาเจ็บตัวฟรี ต้องนอนโรงพยาบาล ตอนนี้ยังพบเห็นคู่กรณียังขับขี่จยย.วนเวียนไปมาให้พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง และยังข่มขู่อีกด้วย ว่าอย่าไปแจ้งความอีก มิฉะนั้นจะไม่จบแค่นี้แน่ สร้างความหวาดกลัวในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก จึงอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดคดีให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยกับชีวิตของตนเองด้วย