ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานจัดระเบียบท่าเรือฯทางจังหวัดชลบุรีมีนโยบายแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลความเรียบร้อยท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายในทุกด้านเพื่อเป็นเจ้าภาพที่ดีในการจัดงานสวนสนามทางเรือปลายปี 2560

ภาพ สุพจน์  ข่าว สุพรรณี ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานจัดระเบียบท่าเรือฯทางจังหวัดชลบุรีมีนโยบายแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลความเรียบร้อยท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายในทุกด้านเพื่อเป็นเจ้าภาพที่ดีในการจัดงานสวนสนามทางเรือปลายปี 2560 ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นาย เชาวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานจัดระเบียบท่าเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ โดยในที่ประชุมมีการแจ้งเรื่องที่ทางจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานจัดระเบียบท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ขึ้นเพื่อให้มีความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ทางจังหวัดได้กำหนดมา อาทิ - คณะกรรมการกำหนดนโยบายและอำนวยการ มีผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานคณะกรรมการฯมีหน้าที่อำนวยการ ให้คำปรึกษา แนะนำ ดูแลการจัดระเบียบท่าเทียบเรือฯ - คณะทำงานด้านการปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อม มีนายกเมืองพัทยา เป็นประธานคณะทำงานฯดูแลในส่วนของการกำหนดรูปแบบ ปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ท่าเทียบเรือฯ - คณะทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรทางบกมีผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาเป็นประธานคณะทำงานฯดูแลในส่วนของการจัดระเบียบการจราจรทางบกและปลอดภัยบริเวณท่าเทียบเรือฯรวมถึงจุดลากเรือขึ้น-ลงเรือบริเวณถนนจอมเทียนซอย 11 และซอย 14 - และ คณะทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำมีผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา เป็นประธานคณะทำงานฯมีหน้าที่ในการกำหนดแนวทาง การควบคุม จำนวนเรือและการประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวทางน้ำในพื้นที่เมืองพัทยา นอกจากนั้นทางที่ประชุมยังได้มีนำเสนอเรื่องให้ทางที่ประชุมพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางและนโยบายในการจัดระเบียบท่าเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว คือมีการนำเสนอรูปแบบที่จะมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือแห่งใหม่พร้อมอาคารรับรอง การปรับปรุงสะพานท่าเทียบเรืออาคารท่าเทียบเรือเดิม การก่อสร้างท่าเทียบเรือสปีดโบ๊ท จำนวน 4 ท่า และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณพื้นที่โดยรอบ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ทันการจัดงานสวนสนามทางเรือนานาชาติในปี 2560 ทั้งนี้ในที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการชมรมชาวเรือหาดจอมเทียนกรณีที่มีการจัดระเบียบพื้นที่จอดเรือแหลมบาลีฮายทำให้ผู้ประกอบการและผู้ครอบครองเรือที่มิได้ใช้รับจ้างได้รับความเดือดร้อนหนักหวั่นว่าอาจเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนในระหว่างขนย้ายเรือจึงได้มีข้อเสนอว่าข้อให้มีกำหนดเวลาในการนำเรือลงทะเลบริเวณหาดจอมเทียนตั้งแต่เวลา 04.00 – 09.00 น.ของทุกวันและเวลาเรือขึ้นตั้งแต่แต่ 15.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งในกรณีนี้ทางที่ประชุมเห็นชอบยืนยันขอกำหนดเวลาเดิมคือช่วงตั้งแต่ 20.00 น. – 05.00 น. เพราะเห็นว่าช่วงเวลาที่เสนอมาใหม่นั้นไม่เหมาะสมเพราะเป็นช่วงที่การจราจรค่อนข้างคับคั่ง ข้อเรียกข้อถัดมาเกี่ยวกับการขอให้ทำระบบการจราจรในการลากเรือไปยังบริเวณพื้นที่จอดเรือซึ่งในกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าปัจจุบันมีเจ้าหน้าคอยอำนวยความสะดวกอยู่แล้ว และในข้อเรียกร้องข้อสุดท้ายเกี่ยวกับการขอให้จัดทำจุดกลับรถบริเวณถนนจอมเทียนสายสองใกล้กับวงเวียนวัดบุญกัญจนารามกับจอมเทียนสายสองทางที่ประชุมจะรับข้อเสนอไปร่วมกันพิจารณาเพื่อหาช่องทางช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป

นักกีฬาไทยเทศนับพันคน เข้าร่วมการแข่งขันแบดมินตันสมัครเล่นนานาชาติรายการ Astec Pattaya Badminton Sawasdee Cup 2016

    ภาพ/ข่าว ณิชาภัทร นักกีฬาไทยเทศนับพันคน เข้าร่วมการแข่งขันแบดมินตันสมัครเล่นนานาชาติรายการ Astec Pattaya Badminton Sawasdee Cup 2016 ระหว่างวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน 2559 ที่สนามกีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก อินดอร์สเตเดี้ยมชัยพฤกษ์ 2 นาย กร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน การแข่งขันแบดมินตันสมัครเล่นนานาชาติ Astec Pattaya Badminton Sawasdee Cup 2016 สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้เนื่องจากอยู่ในช่วงถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นักกีฬาทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน พร้อมใจสวมใส่เสื้อสีดำเข้าร่วมการแข่งขัน และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและยืนถวายความอาลัยเป็นเวลา 90 วินาที เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี สำหรับการแข่งขันแบดมินตัน Astec Pattaya Badminton Sawasdee Cup 2016 ปีนี้นับเป็นปีที่ 6 แล้ว จัดโดย สโมสรแบดมินตัน เอฟ.วาย.ซี. ร่วมกับ สมาคมมิตรภาพไทย-จีน,สหพันธ์คนเชื้อสายจีนทั่วโลก, เมืองพัทยา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยได้รับความสนใจจากบรรดาอดีตนักแบดมินตันชื่อดังของโลก และของไทย เข้าร่วมชิงชัย รวมจำนวนนักกีฬาประมาณ 2,000...

ทำตัวมาเฟีย ลานจอดรถเรียกเก็บค่าจอดรถ 100 บาทหนุ่มเมืองเบียร์ไม่ยอมจ่ายเลยคว้าหินทุบกระจกแตกยับ

  ภาพ/ข่าว อัมพร ทำตัวมาเฟีย ลานจอดรถเรียกเก็บค่าจอดรถ 100 บาทหนุ่มเมืองเบียร์ไม่ยอมจ่ายเลยคว้าหินทุบกระจกแตกยับ เมื่อกลางดึกวันที่ วันที่ 18 พ.ย. 59 MR.NIKOLAI WINFRIED KORKAEW อายุ 48 ปี ชาวเยอรมัน เดินทางเข้าร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.กฤษฐา ประทุมแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าถูกชายไทยใช้ก้อนหินทุบและขว้างใส่กระจกรถยนต์จนแตก เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถข้างบาร์เบียร์ซอย 7 ถนนเลียบชายหาดพัทยา  โดยMR.NIKOLAI เล่าผ่านลามแปลภาษาว่าเมื่อช่วงบ่ายได้นำรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า สปอร์ตไลเดอร์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขล5296 ชลบุรี เข้าไปจอดในลานจอดรถบริเวณเกิดเหตุ โดยที่ไม่มีคนมาดูแลและแจกบัตรจอดรถแต่อย่างใด จนกระทั่งช่วงค่ำที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางมาเอารถจากลากจอดรถดังกล่าว ได้มีเด็กวัยรุ่นเดินมาใช้มือทุบกระจกรถขอเก็บค่าจอดรถจำนวน 100 บาท แต่ตนเองไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าของลานจอดจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่มีเอกสารบัตรจอดรถ จึงให้ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นพยาน แต่ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวบอกว่าหากไม่ยอมจ่ายจะต้องมีปัญหาแน่ ด้วยความกลัวตนเองจึงรีบขับรถออกจากลานจอดรถ ทำให้ชายวัยรุ่นไม่พอใจจึงหยิบก่อนหินทุบเข้าที่กระจกด้านหลังก่อนขว้างปาใสอีกครั้งจนได้รับความเสียหายดังกล่าว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายภาพและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานงานเจ้าหน้าท่าตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากเป็นการกระทำที่สร้างความเสื่อมเสียภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

ฝรั่งเมาคลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน-พังทรัพย์สินตำรวจจับส่งโรงพยาบาลทุลักทุเล

    ภาพ/ข่าว อัมพร ฝรั่งเมาคลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน-พังทรัพย์สินตำรวจจับส่งโรงพยาบาลทุลักทุเล เวลา 06.00 น. วันที่ 18 พ.ย. 59 ร.ต.อ.สนั่น โคตะนนท์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเมาสุราเกิดอาการคลุ้มคลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้านและพังทรัพย์สินชาวบ้านได้รับความเสียหาย เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงแรมสยามสวัสดี ซอยบัวขาว พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังตำรวจสายตรวจ เข้าระงับเหตุทันที เมื่อไปถึงพบนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติไม่ทราบสัญชาติ อายุประมาณ 40 ปี มีบาดแผลถูกของมีคมทำร้ายที่ข้อมือซ้าย ตามร่างกายและเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบเลือดและหยดไหลเป็นทาง อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งวิ่งไล่ทำร้ายชาวบ้านที่เดินผ่านไป สร้างความตกใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนเข้าไปจับกุมช่วยเหลือ ปรากฏว่าชายต่างชาติได้วิ่งหลบหนีเข้าประตูลานจอดรถร้านฟินดิจ พร้อมกับล็อคประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้าใกล้ ลักษณะระแวงอะไรบางอย่างก่อนจะหยิบข้าวของขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยเกลี้ยกล่อม แต่ชายต่างชาติไม่ยอมฟังความใดๆ เอาแต่พังทรัพย์สินชาวบ้านได้รับความเสียหาย ส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย โดยไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นฤทธิ์ ก่อนจะวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ออกไปหน้าตึกอพาทเม้นอีกทางหนึ่ง จากนั้นไม่นานชายต่างชาติเห็นผู้คนอยู่บริเวณนั้นได้วิ่งปรี่เข้าทำร้ายในบาร์เบียร์แห่งหนึ่งใกล้เคียงจุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นท่าไม่ดีจึงช่วยหันควบคุมตัวเอาไว้ได้ในที่สุด ก่อนจะนำส่งรพ.เมืองพัทยา ไปรักษาบาดแผลอย่างทุลักทุเล สอบถาม ชาวบ้าน ทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เห็นชายต่างชาตินั่งดื่มกินอยู่ภายในกลุ่มบาร์เบียร์ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ จนกระทั่งช่วงเช้าปรากฏว่าพบชายต่างชาติ สภาพถูกของมีคมทำร้ายเลือดท่วมตัว โดยมีอาการเมาสุราคลุ้มคลั่งอาละวาดไล่พังทรัพย์สินและทำร้ายชาวบ้านจำนวนหลายคน จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุไว้ได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนพยานแวดล้อมพร้อมทั้งตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดว่าชายต่างชาติถูกทำร้ายจนเกิดอาการคลุ้มคลั่งหรือเมาสุราอาละวาด คงจะต้องรอชายต่างชาติหายเมาและรักษาบาดแผลให้หายดีก่อนเพื่อจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป...

สุดมึน ร้อยเวรปิดห้องสอบคดีล้วงกระเป๋าต่างชาติแจ้งผู้เสียหายงดให้ข้อมูลสื่อ

ภาพ/ข่าว อัมพร สุดมึน ร้อยเวรปิดห้องสอบคดีล้วงกระเป๋าต่างชาติแจ้งผู้เสียหายงดให้ข้อมูลสื่อ เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 18 พ.ย. 59 กลุ่มนักนักท่องเที่ยวต่างชาติสัญชาติตุรกี ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สนั่น โคตะนนท์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าเงินไปขณะเดินเที่ยวเล่นอยู่ที่บริเวณปากซอย 6 พัทยาสายสอง ภายหลังกลุ่มผู้เสียหายรู้ตัวจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในขณะที่กลุ่มผู้สื่อข่าวกำลังบันทึกภาพข่าวเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดประตูห้องพนักงานสอบสวนกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพและข้อมูลแต่อย่างใด และในขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังสอบถามข้อมูลผู้เสียหายแต่กลับได้รับคำตอบว่าเจ้าหน้าที่ให้แจ้งว่าห้ามให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด สร้างความแปลกใจเป็นอย่างมากถึงสาเหตุที่ทางเจ้าหน้าที่ปิดกั้นข้อมูล ที่จะเป็นการนำเสนอทั้งในด้านการป้องกันให้กับนักท่องเที่ยวถึงภัยที่แฝงมาในรูปแบบต่างๆ เพื่อป้องกันอันตรายทั้งร่างกายและทรัพย์สินที่นำติดตัวออกมาเที่ยวยามค่ำคืน และยังเป็นการประชาสัมพันธ์หาเบาะแสของคนร้ายเพื่อมาดำเนินคดีโดยเร็วอีกด้วย

เกษตรตามรอยพ่อ ….ตอน อยู่อย่างพอเพียง ก็มีชีวิตที่มีความสุขเพียงพอ

    เกษตรตามรอยพ่อ ....ตอน อยู่อย่างพอเพียง ก็มีชีวิตที่มีความสุขเพียงพอ  พี่ สงสัย หวังหมู่กลาง หนุ่มใหญ่วัย 46 ปี ที่อดีตเคยประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างในเมืองพัทยาเมื่อ 10 ปีก่อน ก่อนที่ภายหลังจะตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพขับรถจักยานยนต์รับจ้างเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวเล็กๆที่มีภรรยาและลูกชายวัยกำลังเป็นวัยรุ่น ที่บ้านหลังเล็กๆในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.หนองปลาไหล ซึ่งเป็นที่ดินของตนเอง  พี่สงสัยบอกว่าก่อนที่จะตัดสินใจเลิกขับวินมอเตอร์ไซต์นั้นได้วางแผนการใช้ชีวิตด้วยการไปศึกษาแนวทางการเพาะเห็ดจากศูนย์การเรียนรู้แห่งหนึ่งที่สามารถเพาะเห็ดสร้างรายได้และประสบความสำเร็จในการเพาะเห็ดมาแล้วเพียงหวังนำความรู้ที่ได้มาทดลองเพาะเห็ดที่บ้านครั้งแรกเมื่อประมาณปี 2550 โดยทำโรงเรือนเองในพื้นที่รอบๆบ้าน และไปซื้อก้อนเชื้อเห็ดมาจากคนรู้จัก ซึ่งเห็ดที่ลองเพาะครั้งแรกเป็นเห็ดนางฟ้าและเห็ดขอนขาวการทดลองครั้งนั้นได้ผลดีโดยผลผลิตที่ได้ตนและภรรยาจะนำไปขายที่ตลาดใกล้บ้านและส่งพ่อค้าแม่ค้าตลาดบางส่วนจนมีรายได้จุลเจือครอบครัวในระดับหนึ่ง พี่สงสัยและพี่เล็กผู้เป็นภรรยาจึงมีแนวคิดที่จะขยายโรงเพาะเห็ดเพื่อที่จะเพาะเห็ดให้ได้มากขึ้นและมีการศึกษาขั้นตอนวิธีการอัดก้อนเพาะเชื้อเห็ดจากเพื่อนเกษตรกรที่ทำฟาร์มเห็ดในระยะเวลาหนึ่งและก็สามารถอัดก่อนเพาะเชื้อเห็ดเองได้สำเร็จพร้อมกับการขยายโรงเรือนเพิ่มอีกหลายหลัง คราวนี้มีการเพาะเห็ดหลายอย่างที่เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งเห็ดนางฟ้า ขอนขาว เป๋าฮื้อ เห็ดฟาง เห็ดหูหนู ขณะที่แรงงานยังคงมีเท่าเดิมคือ พี่สงสัยกับภรรยาและลูกชาย ทั้งสามช่วยกันดูแล ช่วยกันเก็บ ช่วยกันขายแบบนี้มาตลอดมีรายได้ทุกวันเพียงพอกับการใช้จ่ายและส่งเสียลูกชายเล่าเรียนเหลือใช้จ่ายก็เก็บไว้เป็นทุนสำรองเลี้ยงชีพในการกิจกรรมต่างๆซึ่งชีวิตมีความสุขมากกว่าการออกไปทำงานนอกบ้านตั้งแต่เช้าจนค่ำมืดไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตกับความเสี่ยงบนท้องถนนที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันรับส่งผู้โดยสาร  ทุกวันนี้ครอบครัวพี่สงสัยไม่ได้มีรายได้จากการเพาะเห็ดขายเท่านั้นยังมีรายได้จากการขายกบด้วย ซึ่งก็เป็นอาชีพเสริมอาชีพใหม่ที่พึ่งเริ่มทำให้ปีนี้ พี่สงสัยบอกว่าเมื่อต้นปีได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านเพื่อนเกษตรกรรายหนึ่งที่มีการเลี้ยงกบขายเมื่อไปเห็นก็มีความสนใจขึ้นมาทันทีจึงได้ไปขอความรู้และศึกษาวิธีการเลี้ยงมาพร้อมกับศึกษาตามสื่อและหนังสือต่างๆอย่างก่อนที่จะไปซื้อลูกกบจาก จ.ฉะเชิงเทรา มาเลี้ยงในรุ่นแรก ประมาณ 1,000 ตัวๆ พร้อมทั้งลงทุนทำบ่ซีเมนต์ซึ่งใช้พื้นที่โรงเห็ดเก่าที่รื้อเห็ดออกไปแล้วเป็นบ่อเลี้ยงลูกกบระยะแรกก็เป็นการลองผิดลองถูกศึกษาไปด้วย กบรุ่นแรกในจำนวน 1000 ตัว พี่สงสัยได้ขายกบที่ขนาดโตเต็มวัยได้ 600 ตัวโดยขายให้กับแม่ค้ากิโลละ 80-90 บาท แล้วแต่ขนาด ซึ่งก็ทำให้มีรายได้เสริมเข้ามาในครอบครัวอีกทางหนึ่ง ในแต่ละวันพี่สงสัยและภรรยาจึงต้องผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ทั้งการดูแลโรงเรือนเพาะเห็ดและการเลี้ยงให้อาหาร ทำความสะอาดบ่อเลี้ยงกบ ซึ่งต้องทำทุกวัน การทำบุญชีรายรับรายจ่ายของครอบครัวก็เช่นเดียวกันทำทุกวันเพื่อให้ทราบว่าในแต่ละวันแต่ละปีใช้จ่ายออะไรไปบ้าง ได้รายได้มากน้องเพียงได้หับลบกับค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเท่าไหร่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถวางแผนการใช้ชีวิตได้อย่างเป็นระบบและมีแบบแผนในการใช้จ่าย  กิจกรรมในแต่ละวันจึงหมุนเวียนกันอยู่แบบนี้ทุกวันนี้ทั้งเห็ดและกบไม่ต้องไปนั่งขายเองแล้วมีแม่ค้ามารับถึงที่บ้านหรือไม่ก็ไปส่งตามร้าน...

รวบหนุ่ม รปภ.พกปืนบีบีกันขี่จยย.โชว์รอบเมืองพัทยา

ภาพ/ข่าว อัมพร รวบหนุ่ม รปภ.พกปืนบีบีกันขี่จยย.โชว์รอบเมืองพัทยา เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่17 พ.ย. 59 ร.ต.ท.อาณกร ถานอาจนา รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา ร.ต.อ.วุติกรณ์ ปลอดโปร่ง รอง.สวป.สภ.เมืองพัทยา พร้อมกำลังตำรวจสายตรวจและตำรวจอาสา ได้ร่วมกันจับกุม นาย ประภาวิน วามะขัน อายุ 31ปี อาชีพ รปภ.โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนบีบีกัน 1 กระบอก  สืบเนื่องจาก ทางศูนย์วิทยุ สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า พีซีเอ็ก สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 7คร 30 ชลบุรี มีชายวัยรุ่นพกพาอาวุธปืนไว้ที่เอวด้านหลังเปิดโชว์อย่างชัดเจน ขับขี่ไปมาทั่วเมืองพัทยา จนกระทั่งติดตามไปจนจับกุมได้บริเวณห้องแถวรุ่งเรืองกิจ 2 ตรงข้ามซอย10 กอไผ่ ตรวจค้นพบเป็นปืนบีบีกันเหน็บอยู่ที่เอวด้านหลังของตัวนายประภาวิน จึงควบคุมตัวมายังสภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย

เพลิงไหม้ดิสโกกลางวอล์กกิ้งสตรีท นักท่องเที่ยวแตกตื่นหนีตายอลม่าน

    ภาพ/ข่าว อัมพร เพลิงไหม้ดิสโกกลางวอล์กกิ้งสตรีท นักท่องเที่ยวแตกตื่นหนีตายอลม่าน เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 17 พ.ย.59 ร.ต.อ.นครราช นนสีลาด รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านเดอะ นัชชา คลับ สถานบันเทิงดิสโก้เธคชื่อดัง ตั้งอยู่กลางถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ หลังรับแจ้งจึงประสานรถดับเพลิงฝ่ายป้องกันภัยพิบัติทางบกเมืองพัทยาจำนวน 3 คัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติกว่า 100 ชีวิต พาแตกตื่นกันวิ่งหนีตายออกจากดิสโก้เธคกันอย่างอลหม่าน เจ้าหน้าที่จึงกั้นไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องออกห่างจากจุดเกิดเหตุ เพื่อสะดวกในการปฏิบัติงาน ตรวจสอบปรากฏว่าพนักงานร้านได้ใช้ถังดับเพลิงสารชนิดเคมีฉีดสกัดต้นเพลิงลุกไหม้จากห้องบัญชีการเงินตั้งอยู่ชั้น 2 ของดิสโก้เธคไว้ได้ ก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง ซึ่งประเมินค่าความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 2 ล้านบาท สอบถาม ลูกค้า เล่าให้ฟังว่า ขณะที่กำลังนั่งดื่มกินอยู่ภายในดิสโก้เธคดังกล่าว โดยมีลูกค้าชาวไทยและต่างชาติกว่า 100 คน กำลังเต้นรำตามจังหวะเสียงเพลงดีเจกันอย่างสนุกสนาน จากนั้นได้มีพนักงานร้านวิ่งมาบอกว่าเกิดเหตุไฟไหม้ ทำเอานักท่องเที่ยวหมดทั้งร้านพากันวิ่งหนีตายกันอย่างอุตลุด ก่อนจะเริ่มมีควันดำและส่งกลิ่นเหม็นโพยพุงออกจากจำนวนมาก แต่ถือว่าโชคดีพนักงานร้านใช้ถังดับเพลิงฉีดสกัดต้นเพลิงก่อนลุกลามไว้ได้เสียก่อน ภายหลังจากการสอบสวนและตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าแผงควบคุมกล้องวงจรปิดของร้านน่าจะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องประสานทีมพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป

พิราบเกาะสายไฟ หม้อแปลงตูมสนั่นตายอนาถ ไฟพรึบดับทั้งชุมชน

   ภาพ/ข่าว ทีมข่าว พิราบเกาะสายไฟ หม้อแปลงตูมสนั่นตายอนาถ ไฟพรึบดับทั้งชุมชน เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 16 พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายว่า ได้เกิดเหตุหม้อแปลงระเบิดเสียงดังสนั่น ไฟช็อตสายไฟลุกลามเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร ภายในซอยชุมชนบ่อนไก่ บริเวณหน้าหมู่บ้านศิริกุล ม.6 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับพรึบทันที ทั้งชุมชนมืดมิดไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และสายไฟฟ้าที่ถูกเพลิงไหม้ ขาดลงมากองอยู่บนพื้นถนนนับร้อยเส้น เป็นที่น่าหวาดเสียอย่างมาก ประชาชนพากันแตกตื่น วิ่งหนีกันอลหม่านหวั่นถูกไฟฟ้าดูด  ต่อมา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองสัตหีบ และเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ได้ควบคุมสถานการณ์ในเบื้องต้น ด้วยการใช้ถังดับเพลิงฉีดสกัด ควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างรวดเร็ว หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ได้ตั้งจุดสกัดไม่ให้รถสัญจรผ่าน และกันผู้ไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุ รอเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าสัตหีบ เข้าตัดกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัย ได้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ประมาณการความเสียหายนับแสนบาท  ส่วนสาเหตุจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ก่อนเกิดเหตุได้เห็นนกพิราบส่งเสียงร้อง ก่อนบินไปเกาะบริเวณหม้อแปลง ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ก่อนเพลิงจะลุกลามไปตามสายไฟอย่างรวดเร็ว ผู้คนพากันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ส่วนนกพิราบถูกกระแสไฟฟ้าช็อตไหม้ ตกลงมาตายที่โคนเสาไฟทันที จากการสันนิษฐานคาดว่า นกน่าจะบินไปเกาะบริเวณดรอปเอ้าท์ ทำให้กระแสไฟฟ้าลงกราวด์ จนช็อตเกิดการระเบิดดังกล่าว

เมืองพัทยาเตรียมจัดยิ่งใหญ่ 76 ล้านดวงใจ อาลัยพ่อ ด้านเวทีเตรียมความพร้อมอย่างยิ่งใหญ่

  เมืองพัทยาเตรียมจัดยิ่งใหญ่ 76 ล้านดวงใจ อาลัยพ่อ ด้านเวทีเตรียมความพร้อมอย่างยิ่งใหญ่  เมืองพัทยาเตรียมจัดยิ่งใหญ่“76 ล้านดวงใจ อาลัยพ่อ” พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมกับเมืองพัทยา น้อมใจกันแสดงความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จึงร่วมกันจะจัดงานดังกล่าวฯ ขึ้นในวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2559 ตั้งแต่เวลา 18:00 น. ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยาตลอดทั้งสาย โดยเริ่มตั้งแต่ถนนเลียบชายหาดหน้าโรงแรมดุสิตธานี ไปจนถึงถนน วอล์คกิ้งสตรีท และ จากถนนพัทยากลางตั้งแต่สี่แยกท็อป ซุปเปอร์มาเก็ต ไปจนถึงถนนเลียบชายหาด ความยาวรวมประมาณ 3 กม. นาย สินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยา และ ประชาชนในพื้นที่ต่างก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ และ มีความประสงค์อันแรงกล้าที่จะแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วยการจัดงานแสดงความอาลัยดังกล่าว เมืองพัทยาจึงได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวกด้าน สถานที่ การจราจร กำลังเจ้าหน้าที่จากภาครัฐ ตลอดจนการจัดการประสานงานในด้านต่าง ๆ เพื่อให้งานดังกล่าว บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ และ ความตั้งใจของประชาชน โดยในงานนี้จะมีเมืองพัทยา ร่วมกับประชาชนเป็นเสมือนเจ้าบ้าน ซึ่งจะได้เตรียมความพร้อมในการจัดงานในทุก ๆ ด้าน และ ขอเชิญชวนให้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจากทั่วทุกสารทิศได้มาร่วมแสดงความอาลัยต่อพระองค์ท่านร่วมกัน โดยบริเวณถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา...